Sunday 1 March 2009

กฎอย่างง่าย 6 ข้อเพื่อรักษาการลงทุนให้อยู่รอดและงอกเงยต่อไป

ผมขอแนะนำกฎอย่างง่าย 6 ข้อที่อยากให้ท่านผู้อ่านลอง ทำดู เพื่อรักษาการลงทุนของท่านให้อยู่รอดและงอกเงยต่อไป ในระยะยาว :


Invest You Must ท่าน ต้องลงทุน ความเสี่ยงมากที่สุด ของพวกเรา คือการไม่ยอมเสี่ยงมากพอ เงินที่ฝากไว้ในธนาคาร หรือเก็บไว้ใต้เตียงไม่ถือว่าเป็นการลงทุน ท่านต้องทำการจัดสรร เงินก้อนหนึ่งจากเงินออมของท่าน นำไปลงทุนระยะยาวใน ตลาดหุ้นหรือตลาดตราสารหนี้


Time is Your Friend ต้องคิดว่าเวลาคือเพื่อนของ ท่าน ลงทุนเสียแต่เนิ่นๆ และลงทุนบ่อยครั้ง ท่านควรจะเริ่มต้น ลงทุนตั้งแต่อยู่ในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป แม้จะเป็นเม็ดเงินจำนวน น้อยนิด จงอย่าหยุดลงทุน การลงทุนขนาดปานกลางแม้ใน ช่วงเวลาที่ยากมากๆ สำหรับท่าน จะช่วยให้ท่านคุ้นเคยและมีนิสัยที่ดีในการลงทุน อัตราดอกเบี้ยทบต้นและเทคนิคในเรื่อง Dollar Cost Averaging จะช่วยเพิ่มพูนดอกผลของการลงทุน ของท่านในระยะยาว


Impulse is Your Enemy ความโลภคือศัตรู ท่าน ต้องกำจัดอารมณ์ และความอยากออกจากแผนการลงทุน ต้องมีความคาดหวังอย่างมีเหตุผลต่อผลตอบแทนที่จะได้รับใน อนาคต และพยายามเลี่ยงการเปลี่ยนความคาดหวังที่ตั้งไว้เมื่อ ภาวะแวดล้อมมีการเปลี่ยนไป


Cost Control ควบคุมต้นทุน ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ในการลงทุนให้ได้ ผลตอบแทนสุทธิที่ท่านจะได้รับคำนวณ ง่ายมาก โดยเอาผลตอบแทนขั้นต้นที่ได้จากพอร์ตการลงทุน ของท่านลบออกจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เช่น ค่านายหน้า ซื้อขายหุ้น ค่าที่ปรึกษาและค่าบริหารพอร์ต เป็นต้น ตัวเลขที่ ออกมาก็คือผลตอบแทนสุทธิของท่าน


Stick to Simplicity ยึดติดความเรียบง่าย อย่าทำให้ขั้นตอนการ ลงทุนยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไปนัก การลงทุนขั้นพื้นฐานนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจ และทำได้ง่ายมาก : เช่น การกระจายสินทรัพย์ไปสู่หุ้นตราสารหนี้ และสำรองเงินสด; การเลือกซื้อกองทุนรวมที่มีผลงานในอดีต ; การบริหารให้ สามสิ่งนี้มีความสมดุลกันคือความเสี่ยง ผลตอบแทนและต้นทุน


Stay the Course ยึด แผนการลงทุนไว้ให้มั่น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ตาม ท่านต้องยึดมั่นในแผนการลงทุนระยะยาว กฎข้อนี้ถือเป็นความ ชาญฉลาดที่สุด ลงทุนเพื่ออนาคตระยะยาว


ลองมาดู ตัวอย่างที่สนใจเกี่ยวกับการเริ่มต้นออมเงินของคนสองคน คือ นายสมชายกับนางสมศรีที่ต่างก็คิดจะเริ่มออมเงิน แต่สองคนนี้เริ่มออม ไม่พร้อมกัน กล่าวคือ สมชายตัดสินใจทยอยออมปีละ 1,000 บาท โดยอัตราผลตอบแทนที่ได้รับคือ 10% สมชายเริ่มออมมาตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยออมเป็นจำนวนเงินเท่ากันทุกปีเป็นเวลา 13 ปี จนกระทั่งอายุ 30 สมชายก็หยุดที่จะออมเพิ่มเพียงนำเงินทั้งต้นและดอกผลมาลงทุนต่อไป เพื่อไว้ใช้ตอนอายุ 65 ปี ซึ่งในตอนนั้นมูลค่าเงินออมของนายสมชายมีมูลค่า สูงถึง 690,000 บาท แต่หากเรามาดูนางสมศรีที่มาเริ่มเมื่ออายุ 30 ปี และออมเงินอย่างต่อเนื่องทุกปี ๆ ละถึง 2,000 บาท เป็นเวลา 36 ปี จนอายุ 65 ปี โดยให้สมศรีได้รับอัตราผลตอบแทนการลงทุนเท่ากับสมชาย คือ 10% ต่อปี ซึ่งเราจะพบว่าแม้ว่าสมศรีออมเงินในแต่ละปีมากกว่าเป็น 2 เท่าของ สมชาย แต่มูลค่าเงินออมที่สมศรีเก็บไว้ได้นั้นเพียง 598,000 บาท เท่านั้น


ความมหัศจรรย์ของการทบต้น


นายสมชาย

นางสมศรี

ผลต่าง

เริ่มลงทุนตอนอายุ

18 ปี

30 ปี

13 ปี

เงินลงทุนเริ่มต้น

1,000 บาทต่อปี

2,000 บาทต่อปี

100%

ระยะเวลาลงทุน

(18-30 ปี) 13 ปี

(30-65 ปี) 13 ปี

3 เท่า

เงินต้นรวม

13,000 บาท

72,000 บาท

454 %

มูลค่าเงินลงทุนเมื่ออายุ 65 ปี

690,000 บาท

598,000 บาท

92,000 บาท

อัตราผลตอบแทน*

5,207%

731%

4,476%

*ผลตอบแทน 10% ต่อปี


จาก ตัวอย่างข้างต้น ท่านคงพอเข้าใจว่าการเริ่มออมเงินนั้นยิ่งทำได้เร็ว เท่าไรก็จะเป็นประโยชน์ต่อท่านมากเพียงนั้น เพราะท่านจะได้รับประโยชน์ จากการทบต้นของเงินลงทุนที่มีแต่ทวีมากขึ้นตามเวลาที่ท่านได้ลงทุนหรือ ออมเงินเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอให้อายุมากก่อนจึงค่อย ออมเงิน หรือแม้แต่ท่านที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็ตามการเริ่มออมเงินไว้ให้ บุตรหลานของท่านตั้งแต่เขาเหล่านั้นยังเล็ก ก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียว ที่จะหาเงินไว้ใช้เป็นทุนการศึกษาเมื่อเขาเหล่านั้นเติบโตขึ้น


อย่าง ไรก็ดี ในปัจจุบันทางเลือกในการออมเงินนั้นมีมากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินไว้กับธนาคารหรือการลงทุนในกองทุนรวมประเภท ต่างๆ เช่น กองทุนรวมหุ้นทุน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่งการ ลงทุนแต่ละรูปแบบก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงต่ำต่างกัน และความเสี่ยงในการลงทุนก็อาจจะต่างกัน ส่วนการฝากเงินกับธนาคารท่านก็จะได้รับผลตอบแทน ที่สูง โดยไม่สนใจความผันผวนของอัตราผลตอบแทนระยะสั้น ก็อาจจะเลือก ลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น ส่วนนักลงทุนบางท่านก็อาจจะเลือกทาง สายกลาง โดยเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ ที่อาจจะสบายใจขึ้นเพราะผลตอบแทนไม่ขึ้นลงหวือหวามากนัก และยินดีกับผล ตอบแทนในระดับกลาง


ดังนั้นเมื่อท่าน จะเริ่มลงทุนท่านควรต้องศึกษาถึงรูปแบบการลงทุน ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของท่าน ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง

No comments:

Post a Comment